หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

8 ข้อควรรู้ ก่อนลงทุน LTF เพื่อลดภาษี

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว LTF ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการวางแผนภาษี แต่ LTF ก็มีเงื่อนไขหลายอยู่นะ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรจะต้องรู้ก่อนลงทุนใน LTF และพี่เม่าก็มีกองทุนดีๆ ที่หาซื้อง่ายใกล้บ้านมาแนะนำด้วยนะจ๊ะ


CG LTF
ความเสี่ยงกองทุน : ระดับ 6
ที่มา : morningstarthailand.com ณ วันที่ 30 ก.ย. 59
ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้การันตีถึงผลตอบแทนในอนาคต

มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรก 2,000 บาท
ค่าธรรมเนียมการขาย 1%
ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ ปัจจุบัน 1.76%

รายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/g5VNMZ
Value-D LTF
ความเสี่ยงกองทุน : ระดับ 6

ที่มา : morningstarthailand.com ณ วันที่ 30 ก.ย. 59
ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้การันตีถึงผลตอบแทนในอนาคต

มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรก 2,000 บาท
ค่าธรรมเนียมการขาย ไม่มี
ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน ไม่มี
ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ ในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาเก็บ 2.31%
รายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/g5VNMZ

MS-CORE LTF
ความเสี่ยงกองทุน : ระดับ 6

ที่มา : morningstarthailand.com ณ วันที่ 30 ก.ย. 59
ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้การันตีถึงผลตอบแทนในอนาคต

มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรก 10,000 บาท
ค่าธรรมเนียมการขาย ไม่มี
ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน ไม่มี
ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ ในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาเก็บ 1.36%
รายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/g5VNMZ



ลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทน 10%

มีหลายคนถามว่าอยากลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 10% ทำไง
พี่เม่าเลยไปหาข้อมูลมาพบว่า ลงทุนในตลาดหุ้นนี่แหละทำได้ชัวร์
จากข้อมูลดัชนี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2518 เปิดตลาดที่ 100 จุด จนถึงปัจจุบันที่ 1400 จุด เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี
และข้อมูล Market Cap ตั้งแต่กันยายน 2531 ที่ 2 แสนกว่าล้านบาท จนปัจจุบัน Market Cap 14 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ย19.2% ต่อปี (ยังไม่ได้หักเงินเฟ้อนะ)
แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่นะ...

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เลี้ยงลูกหนึ่งคน ต้องใช้เงินเท่าไหร่


สำหรับครอบครัวที่วางแผนมีลูก หรือครอบครัวที่มีลูกอยู่แล้ว เคยลองคำนวณดูไหมว่า การเลี้ยงเด็ก 1 คนตั้งแต่แรกเกิดจนส่งถึงฝั่งวันที่เขาทำมาหาเลี้ยงชีพตัวเองได้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?
วันนี้พี่เม่าลองคำนวณมาให้ดูเล่นๆ แบบง่ายๆ อันนี้เป็นค่าใช้จ่าย ขั้นต่ำ สำหรับเด็กหนึ่งคนเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 3 แบบ



แบบมาตรฐาน คือ ใช้ชีวิตกินอยู่แบบลูกชาวบ้านทั่วไป ใช้จ่ายวันละไม่เกิน 100 บาท เรียนโรงเรียนรัฐบาล ถึงบางโรงเรียนอาจจะมีนโยบายเรียนฟรี แต่จริงๆ ก็ยังต้องเสียตังค์ค่าจิปะถะนู่นนี่อยู่ดี ตีแบบประหยัดๆ ให้แล้ว เมื่อเรียนจนจบมหาลัย คำนวณออกมาได้ 1.3 ล้านบาท/คน

แบบพรีเมียมขึ้นมาหน่อย คือใช้จ่ายหรูขึ้นมาหน่อยวันละไม่เกิน 200 บาท คือบางทีอาจไปกินร้านอาหารดีๆ บ้าง ซื้อยางลบมียี่ห้อบ้าง อะไรแบบนี้ ก็ถัวๆ กันไป ถ้าเรียนโรงเรียนเอกชน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงมหาลัย ใช้เงินไป 3.1 ล้านบาท

และแบบที่สามคือแบบอีลีท คือลูกคนมีตังค์ ซึ่งไม่ได้ใช้วันละร้อยแน่นอนด้วยสภาวะสังคม ก็เลยให้ค่าใช้จ่ายไปวันละ 500 บาท และการศึกษาก็เรียนอินเตอร์ถึงมัธยม ช่วงมหาลัยไปต่อต่างประเทศเก๋ๆ กดออกมาได้ 16.8 ล้านบาท!

และเพิ่มความน่าสะพรึงให้บรรดาพ่อแม่ เพราะตัวเลขนี้เป็นการคำนวณแบบยังไม่ได้เอาเงินเฟ้อมาเกี่ยว และ ไม่รวมค่าเรียนเสริมพิเศษอื่นๆ (พวกดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษาต่างประเทศ),ค่าแปะเจี๊ยะ,ค่าไปเที่ยวต่างประเทศ,ค่าของแบรนด์เนมตามเพื่อนแบบวัยรุ่น, ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ฯลฯ และอันนี้คือลูกคนเดียวนะ ถ้ามีลูกมากกว่าหนึ่งคนก็ คูณ 2 คูณ 3 เข้าไปตามจำนวนลูกที่มี

สำหรับบางคนที่เงื่อนไขต่างจากนี้ เช่น ประถมให้เรียนอินเตอร์ มัธยมให้เรียนเอกชน ปริญญาตรีให้เรียนต่างประเทศ แถมจะส่งไปเรียนซัมเมอร์เมืองนอก ต่างๆ นาๆ ก็สามารถไปลองคำนวณผ่านแอพ iGrow ได้ตามลิงก์นี้เลย  http://bit.ly/2eksu7K จะได้รู้ตัวเลขคร่าวๆ ที่ต้องจ่าย

เพราะการเป็นพ่อแม่ ไม่ได้จบแค่การให้กำเนิดลูกขึ้นมา แต่ภาระหน้าที่ของพ่อแม่ที่แท้จริง คือการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ ถึงตอนนี้ที่ลูกเกิดมาแล้ว เราอาจจะยังไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่เตรียมไว้ แต่ถ้าเราบริหารรายรับรายจ่ายได้ดี เราก็ยังสามารถทำตามแผนได้ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าลืมคำนวณถึงอายุเกษียณ ยิ่งพ่อแม่ปัจจุบันที่มีลูกช้า เช่นมีลูกหลังอายุ 35 ปี แต่ที่ทำงานเอกชนส่วนมากเกษียณอายุตอน 55 ปี แปลว่าเราเกษียณแล้วลูกเพิ่งขึ้นมหาวิทยาลัย จึงต้องคิดเผื่อในส่วนนี้ด้วยว่าเมื่อถึงตอนนั้นเราจะมีเงินส่งเขาอยู่อีกไหม หรือถ้าเราเป็นอะไรไปก่อนลูกจะเรียนจบ ลูกจะยังได้มีชีวิตตามแผนที่เราวางไว้ไหม

ปัจจุบันนี้มีกรมธรรม์ที่ช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้ คือ iGrow จ่ายเบี้ยแค่ 7 ปี และจะทยอยคืนเงินต่อเนื่องในสิ้นปีกรมธรรม์ที่  15 และต่อเนื่อง 18-24 ปี คือคืนมาเป็นเงินค่าเทอมลูกตอนเรียนปริญญาตรีควบปริญญาโทนั่นแหละ และให้ความคุ้มครอง 18 โรคร้ายสำหรับเด็ก และประกันอุบัติเหตุสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ส่วนที่พี่เม่าชอบกรมธรรม์นี้ก็คือ ให้การคุ้มครองยังอยู่แม้ผู้ปกครองจะไม่อยู่จ่ายแล้ว คือในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดกับผู้ปกครอง ลูกก็ยังได้ผลประโยชน์เท่าเดิมอยู่ โดยที่ไม่ต้องส่งเบี้ยต่อแล้ว ถ้าสนใจเชิญอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://iservice.kt-axa.com/campaign/igrow/index.html

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โสดสตรอง เกษียณลั้นลา ด้วยการลงทุน

จากสถิติด้านประชากรศาสตร์ปัจจุบันคนนิยม 'อยู่คนเดียว' หรือ 'อยู่เป็นโสด' มากขึ้น และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในประเทศพัฒนาแล้วจะยิ่งเห็นตัวเลขชัด

ไม่ว่าจะโสดด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การอยู่เป็นโสดก็มีข้อดีมากมาย ทั้งมีเวลาให้ตัวเองมากกว่า และสามารถใช้เงินที่หามาได้แบบเต็มที่ ไม่มีตัวหาร แต่ก็อย่าลืมว่าไม่มีตัวหารก็หมายถึงไม่มีตัวช่วย จึงต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบ เพื่อให้โสดแบบสตรอง และเกษียณแบบลัั้นล้า

มาโสดสวยและรวยมากให้โลกอิจฉากันไปเล้ย ^^
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/u0omQ9





















วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แกะรอยการเลือกหุ้นของนักลงทุนมืออาชีพ

ศาสตร์แห่งการลงทุนนั้นมีหลายแบบ  วันนี้พี่เม่าจะพาไปรู้จักกับ Mr.A นักลงทุนมืออาชีพสุดอินดี้ ที่มีวิธีการลงทุนที่อาจจะแตกต่างไปจากที่หลายคนคุ้นเคย แต่การลงทุนในแนวทางของ Mr.A ก็สร้างผลตอบแทนได้ดีทีเดียวนะ แถมยังคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย เรามาดูกันว่านักลงทุนมืออาชีพเค้าลงทุนยังไง เผื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนของตัวเองนะจ๊ะ ^^

รายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/swTh8e

ติดตามการ์ตูนซีรีย์ Mr.A ได้ที่นี่เลย