หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

LTF vs หุ้น

ผู้มีเงินได้ทุกท่านคงทราบว่าปลายปีก็เหมือนเป็นช่วงเทศกาลการลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี ยิ่งช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี คำถามที่มักจะถามกันก็คือ

"จะซื้อ LTF กองไหนดี"

ในส่วนของผู้มีเงินได้ที่เล่นหุ้น บางท่านอาจจะรู้สึกเสียดายโอกาสในการเอาเงินไปจมอยู่ในกองทุนหลายปีเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีแค่ปีเดียว เพราะนักลงทุนบางท่านอาจมั่นใจว่าตนสามารถใช้เงินจำนวนนี้ลงทุนเองและได้ผลตอบแทนมากกว่ากองทุนหลายเท่า

การลงทุนในกองทุนมีความเสี่ยง ยิ่งเป็นกองทุนที่ต้องทิ้งไว้หลายปีอย่าง LTF,RMF จะเป็นความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ แม้จะมีการบริการสับเปลี่ยนกองทุน แต่ถ้าตลาดหุ้นร่วงเราก็ไม่สามารถขาย LTF ออกมาก่อนได้ แต่อย่าลืมว่าการลงทุนด้วยตัวเองก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แม้จะควบคุมความเสี่ยงด้วยตัวเองได้ แต่ก็ใช่ว่านักลงทุนทุกคนจะสามารถควบคุมได้เสมอไป  :-)



)

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

IPO

หุ้น IPO หรือหุ้นใหม่ที่เพิ่งจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตามสถิติในปีนี้ที่ผ่านมาพบว่าทำผลงานร้อนแรงได้เกือบทุกตัว กล่าวคือราคาตอนเปิดตลาดให้ซื้อขายครั้งแรกสูงกว่าราคาตอนจองอยู่มาก บางตัวสูงถึง 200% เช่นราคาจอง 4 บาท แต่เปิดตลาดวันแรกปิดที่ 12 บาทก็มี

ดังนั้นหุ้น IPO จึงเป็นที่หมายปองของนักลงทุนหลายๆ คน ด้วยความคาดหวังว่าจะทำกำไรงามให้ไม่มากก็น้อย แต่การจะได้หุ้น IPO มานั้นก็ไม่ง่าย ยิ่งนักลงทุนรายย่อยที่โวลุ่มน้อยๆ ด้วยแล้ว การคาดหวังว่าจะได้สิทธิ์จองหุ้นใหม่แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์เกี่ยวกับหุ้น IPO มากนัก แค่ได้รับเสียงฤาเสียงเล่าอ้างว่า ได้สิทธิ์หุ้นจองเหมือนได้แจกเงินสด

ดังนั้นหากนักลงทุนรายย่อยได้รับสิทธิ์ IPO สักครั้ง มีหรือที่จะปฏิเสธ

อยากให้ประสบการณ์จากการ์ตูนตอนนี้ ช่วยเตือนให้นักลงทุนมือใหม่ทุกท่านที่มีโอกาสได้รับสิทธิ์ ได้ลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะหุ้น IPO บางตัวก็อาจไม่ได้ทำกำไรในตอนเปิดตลาดเสมอไป แต่เหมาะกับการลงทุนระยะยาวมากกว่า ยิ่งโดยเฉพาะหลักเกณฑ์การจดทะเบียนหลักทรัพย์ใหม่ของทางตลาดหลักทรัพย์ด้วยแล้ว....

ในอดีตหุ้นที่สามารถจดทะเบียนในตลาดได้นั้นต้องมีกำไรต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันได้เพิ่มเกณฑ์ใหม่คือมาร์เก็ตแคป เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทที่มีศักยภาพแต่ยังไม่มีกำไรได้เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งเป็นเกณฑ์เดียวกับตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเพื่อนบ้าน

ทำให้การลงทุน IPO ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก่อนการตัดสินใจจองนะคะ :-)





วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หุ้น ๔ เหล่า

จากประสบการณ์ในตลาดหุ้น พบว่าหุ้นแต่ละตัวมีลักษณะ นิสัย พฤติกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งก็อาจบ่งบอกถึงบุคลิกของผู้ถือหุ้นตัวนั้นๆ ลองติดตามกันดูนะคะว่าลักษณะนิสัยแบบไหนถึงจะเหมาะกับการถือหุ้นแบบไหน  ^_^



วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

The master

โลกของตลาดหุ้น ก็มีส่วนคล้ายระบบนิเวศน์ของธรรมชาติตรงที่ว่าผู้ที่เข้มแข็งคือผู้ที่อยู่รอด... แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่เข้มแข็งพอทั้งด้านการเงินและความรู้ แต่ด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด ก็จำเป็นต้องดิ้นรนหาที่ยึดเหนี่ยว จึงไม่แปลกอะไรหากเราจะมองหา "ต้นแบบ" ทางด้านการลงทุน ซึ่งต้นแบบนั้นเป็นได้ทั้งต้นแบบแนวทางการเล่นหุ้น ต้นแบบการเอาตัวรอดในตลาดหุ้น  จนกระทั่งต้นแบบของพอร์ตลงทุน

การหาต้นแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เป็นการช่วยให้การพัฒนาตัวเองเป็นไปได้อย่างเร็วขึ้น เพราะได้ประสบการณ์จากต้นแบบไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เช่นรถญี่ปุ่นที่ได้ต้นแบบจากรถยุโรป เครื่องใช้ไฟฟ้าเกาหลีได้ต้นแบบจากเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น จนในที่สุดก็สามารถพัฒนาเป็นแบรนด์ของตนเองที่มีศักยภาพเพียงพอได้ ทัดเทียมและอาจเหนือกว่าต้นแบบเสียอีก

ในด้านการลงทุน...หากเรามองหาต้นแบบหรืออาจารย์เจอแล้ว และพัฒนาแนวทางการลงทุนของเราไปตามแนวทางของอาจารย์ท่านนั้นๆ ได้คงเป็นเรื่องที่ดีมาก การศึกษาต่อยอดจากความรู้ที่อาจารย์ให้อาจทำให้เราได้แนวทางการลงทุนใหม่ๆ ที่เข้ากับตัวเองและได้ผลตอบแทนมากขึ้น


แต่ความเป็นจริงแล้ว...เรามักสนใจหุ้นของอาจารย์มากกว่า... ><''



วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เป็นข่าว

นักลงทุนหลายท่าน มักติดตามข่าวสารของหุ้นที่ตัวเองถืออยู่แทบทุกวัน ทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เพื่อจะได้ทราบถึงความเป็นไปของกิจการ และวางแผนการลงทุนได้อย่างถูกต้อง

ในยุคปัจจุบัน การติดตามข่าวสารเป็นไปได้อย่างง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาช่วยในการกระจายข้อมูล ข้อดีคือการเข้าถึงข่าวสารการลงทุนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ ข่าวที่ได้มานั้นอาจเป็นข่าวที่แท้จริง หรือเป็นข่าวหลอกเม่าก็ได้ ซึ่งในแง่ของนักลงทุนเอง จำเป็นต้องวิเคราะห์ข่าวต่างๆ ก่อนที่จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์

เพราะบางครั้งข่าวในแหล่งที่มาที่ดูน่าเชื่อถือ ก็อาจไม่สามารถเชื่อถือได้


วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Positive Thinking


ในหนังสือจิตวิทยาหลายเล่ม มีการกล่าวถึง "พลังแห่งการคิดบวก"  เป็นต้นว่า การคิดบวกจะนำพาเราสู่ความสำเร็จ  หลายท่านอาจนึกค้านในใจว่า แค่คิดบวกจะสำเร็จได้จริงหรือ

จริงๆ แล้วการคิดบวกท่ามกลางเหตุการณ์ร้ายๆ ก็ช่วยปลอบประโลมใจ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น และสามารถสู้ชีวิตต่อไปได้ เมื่อเราไม่พ่ายแพ้ต่อชะตาชีวิต กัดฟันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้เราประสบความสำเร็จได้

ในแง่การลงทุน นักลงทุนเกือบทุกท่านคงเคยผ่านประสบการณ์การลงทุนที่เลวร้ายมาแล้วบ้างไม่มากก็น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ สิ่งที่จะช่วยให้เราไม่ทุกข์ทรมานเกินไปเมื่อเจอเหตุการณ์หนักๆ ก็คิอ "การคิดบวก"

ขอให้พลังแห่งการคิดบวกจงสถิตอยู่กับนักลงทุนทุกท่านเหมือนพี่เม่าในตอนนี้ :-)



วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

Engagement

อาจจะมีนักลงทุนบางท่าน ที่ถือหุ้นสักตัวมาเป็นระยะเวลานานๆ (กว่าที่คิดไว้ตอนแรก) ด้วยคาดหวังว่ามันจะเป็นไปตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ในสักวัน ระยะเวลาและหนทางแห่งการรอคอยที่แสนยาวนานและเต็มไปด้วยความฝันและความหวังนั้น บางครั้งก็เจ็บปวด ไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่วางแผนไว้ แต่ด้วยอีโก้มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเอง หรือความผูกพัน หรือแรงยุจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะสาเหตุใด เราเลือกที่จะ "ถือต่อ"

ในวันที่หุ้นมีข่าวร้ายประดังเข้ามามากมาย ก็พลันมีวลี "ข่าวร้ายต้องซื้อเพิ่ม" เข้ามาในหัว เช่นนี้แล้ว เจ้าหุ้นตัวนี้ก็ยังคงนอนอยู่ในพอร์ตเรา แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน หุ้นตัวอื่นหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามาและจากไปหลายรอบ แต่เจ้าหุ้นตัวนี้ก็ยังอยู่กับเราไม่ไปไหน ทรงกับทรุดอยู่เคียงข้างเรา

และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความทุกข์ก็สิ้นสุดลง ไม่ใช่ว่าหุ้นขึ้นตามเป้าหมาย แต่เป็นเพราะเราทำใจได้แล้วว่าสิ่งที่เราคาดหวังไว้เป็นเพียงภาพลวงตาจากอนาคต(อาจจะอีกหลายสิบปีข้างหน้า) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในเร็ววันนี้แน่นอน แต่การจะคัทลอทออกไปในตอนนี้ก็เหมือนเป็นเรื่องไม่จำเป็นแล้ว บางครั้งเราก็มีความสุข เพลิดเพลินไปกับการได้เห็นการค่อยๆ ไต่ราคากลับมาอย่างเชื่องช้าของหุ้นตัวนี้อย่างใกล้ชิดทุกๆ วันที่เปิดพอร์ต

เพราะฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกันได้ขนาดนี้...จนทำใจได้แล้ว เราก็เลยเลือกที่จะถือต่อ
แต่ดันลืมไปว่า...พายุมักเกิดในฤดูมรสุม และในฤดูมรสุม การก่อตัวของพายุไม่ได้มีเพียงลูกเดียว

ปล. การ์ตูนตอนนี้ใช้ทุนสร้างสูงมาก หวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย T_T




วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย

นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาได้สักพัก คงจะต้องเคย "ซื้อถัว" คือการซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มเข้าไป เช่นในครั้งแรก ซื้อหุ้น AAA ราคา 10 บาท จำนวน 1000 หุ้น ต่อมา หุ้น AAA ปรับตัวลดลงเหลือ 8 บาท จึงทำการซื้อเพิ่มอีก 1000 หุ้น ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 9 บาท

ซึ่งกลยุทธ์ถัวเฉลี่ยนี้มีการกล่าวถึงในหนังสือการลงทุนหลายเล่ม แต่การลงทุนแนวเทคนิคจะกล่าวอย่างหนึ่ง ส่วนการลงทุนแนวแนวเน้นคุณค่าจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง หากนักลงทุนยังไม่สามารถหาสไตล์การลงทุนของตัวเองเจอ อ่านเข้าไปมากๆ ก็อาจสับสนได้

เพราะการลงทุนแนวเทคนิคเป็นการเล่นตาม Trend ขาขึ้น จึงจะไม่มีการถัวเฉลี่ยขาลง แต่ใช้การ Cut loss แทน เมื่อหุ้นมีราคาลดลง ถือเป็นการเลือกหุ้นผิดตัว แต่อาจจะมีการถัวเฉลี่ยขาขึ้นได้ แม้จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมต้นทุนเฉลี่ยก็ยังต่ำกว่าราคาตลาด

สำหรับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า การซื้อหุ้นจะเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมในขณะนั้นภายใต้ความเชื่อที่ว่า ในระยะยาวราคาหุ้นจะสะท้อนความเป็นจริง บ่อยครั้งที่นักลงทุนแนว VI ซื้อหุ้นแล้วหุ้นปรับตัวลงไปอีก เนื่องจากช่วงที่หุ้นมีมูลค่าต่ำกว่าราคาเหมาะสมนั้น ในทางเทคนิคมักเป็น Trend ขาลง ซึ่งไม่มีใครรู้จุดต่ำสุดของมัน แต่ถ้านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในกิจการ เมื่อราคายังต่ำกว่าราคาเหมาะสม ก็ทำการซื้อเฉลี่ยได้ (ทั้งขาขึ้นและขาลง) แต่การซื้อเฉลี่ยขาลงก็ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเราเองไม่ใช่เจ้าของกิจการที่แท้จริงแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ที่อาจไม่ทราบข่าววงใน หรือการวิเคราะห์ราคาเหมาะสมของเราอาจจะผิดก็ได้ เพราะหุ้นบางตัวเมื่อลงมาแล้ว ผ่านไปหลายสิบปีก็ยังไม่สามารถกลับไปยังราคาเดิมได้อีกเลย

ในแง่ของสุขภาพจิต การซื้อเฉลี่ยขาลง แม้ทำให้ต้นทุนต่ำลงก็จริง แต่เราก็ยังต้องเฝ้าดูพอร์ตแดงด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่รู้ว่าก้นบึ้งมันอยู่ที่ไหน (หรืออาจจะไร้ก้นบึ้งเลยก็ได้) ในจังหวะหนึ่ง เราจะสูญเสียความมั่นใจ เกิดจินตนาการในทางลบ อาจจะแย่จนกระทั่งถือต่อไม่ไหว ในทางกลับกัน การซื้อเฉลี่ยขาขึ้น แม้ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ชื่นใจทุกครั้งที่เปิดดู มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไป

อ่านการ์ตูนตอนนี้จบแล้ว คุณเลือกที่จะซื้อเฉลี่ยขาขึ้นหรือขาลงคะ :-) ? 




วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การลาออกครั้งสุดท้าย

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สนใจทางด้านการลงทุน บางท่านอาจเพียงต้องการรายได้เสริมที่นอกเหนืองานประจำ แต่คนอีกจำนวนมากต้องการใช้การลงทุนเป็นบันไดขั้นแรกในการก้าวไปสู่อิสระทางการเงิน

การลาออกจากงานประจำมาเป็นเจ้านายตัวเองนั้นไม่ยาก แต่การจะบริหารเงินอย่างไรให้มีเงินมาจ่ายค่าจ้างให้ตัวเองทุกๆ วันนั้นเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้ดี แม้พนักงานทุกท่านจะตระหนักดีว่าเงินเดือนอันน้อยนิดที่บริษัทจ่ายให้ท่าน เทียบไม่ได้กับผลกำไรที่ท่านสร้างให้บริษัท แต่หลายๆ ท่านก็ยังเลือกที่จะอยู่ในระบบ เพราะการก้าวออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน นอกจากต้องอาศัยความกล้าแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงเข้าไปด้วย

หลายๆ ท่านที่ก้าวออกมา แล้วก็ต้องกลับเข้าไป...

ในช่วงนี้หุ้นค่อนข้างเป็นขาขึ้น ท่านที่เป็นทั้งมนุษย์เงินเดือนและนักลงทุน อาจมีความมั่นใจในการซื้้อขายของตนเองในระดับหนึ่ง หลายท่านอาจมีความคิดที่อยากเป็นอิสระจากงานประจำ แต่อยากให้การ์ตูนตอนนี้เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ให้ท่านพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะออกมาเทรดเต็มเวลา เพราะว่าหุ้นไม่ได้เป็นขาขึ้นตลอด ถ้ายังไม่เก่งจริงและพอร์ตยังไม่ใหญ่จริง การเล่นหุ้นแบบ Full time ก็แทบไม่ต่างอะไรจากงาน office เพราะต้องเฝ้าจอตลอดในช่วง 9.30-17.00 น. แถมอาจมีความเครียดสูงกว่าการทำงานกินเงินเดือนมาก เนื่องจากทุกการตัดสินใจเป็นเงินของเราเอง ความสุขจากอิสระแลกกับความเครียดความกดดันทุกๆ วันจะยังคุ้มหรือเปล่า รวมถึงการจัดสรรเงินลงทุน หากพอร์ตเรายังไม่ใหญ่ การเทรดเพื่อดำรงชีพบีบให้เราต้องซื้อๆ ขายๆ ถี่เกินไป อาจทำให้กำไรที่ได้หมดไปกับค่า commission ก็ได้นะคะ

แต่สำหรับท่านทีประสบความสำเร็จในการก้าวออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน ท่านจงภูมิใจว่าท่านได้ก้าวไปอยู่ในจุดที่นักลงทุนมือสมัครเล่นหลายๆ คนใฝ่ฝัน สุดยอดไปเลยค่ะ :-)

ขอบคุณเจ้าของ blog enjoy-trading.blogspot.com สำหรับแรงบันดาลใจในการ์ตูนตอนนี้นะคะ








วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เสื้อ maoinvestor 2012 เปิดให้สั่งจองแล้วจ้า

เสื้อ maoinvestor 2012 เปิดให้สั่งจองแว้ววววว



สนใจสั่งจองได้ที่นี่จ้า (Tab สั่งเสื้อ 2012 ด้านบนก็ได้)
http://www.maoinvestor.com/p/2012.html

ขอบคุณมิตรรักแฟนบล็อกทุกท่านที่ให้การอุดหนุนผลงานนะคะ ^^

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Lunchtime

ในกลุ่มของนักลงทุน อาจมีนักลงทุนทีชอบคิดวิเคราะห์คนเดียว แต่ก็มีนักลงทุนจำนวนมากรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และพัฒนาแนวทางการลงทุนของตน สำหรับนักลงทุนที่ทำงานประจำไปด้วย เวลาพักกลางวันจัดเป็นเวลาทองที่เปิดโอกาสให้เราได้ติดตามหุ้น และวิเคราะห์หุ้นกับเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน

ซึ่งบรรยากาศของการรับประทานอาหารกลางวันในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดหุ้นในช่วงนั้นๆ จากการสังเกตในกลุ่มของพี่เม่าเองเป็นเหมือนการ์ตูนตอนนี้ แล้วกลุ่มของเพื่อนๆ นักลงทุนท่านอื่นเป็นเหมือนกลุ่มพี่เม่าบ้างมั้ยคะ :)



วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวดีในข่าวร้าย

สำหรับนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมากๆ หรือขนาดใหญ่มากๆ หุ้นเหล่านี้จะมีกฎเกณฑ์การซื้อขายที่ต่างจากหุ้นส่วนมากในตลาดหุ้น

ในปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีหุ้นที่เข้าเกณฑ์ "หุ้นตัวใหญ่" ไม่มาก ซึ่งนักลงทุนก็ไม่ลำบากอะไรในการทำตามกฎเกณฑ์ที่เป็นอยู่  แต่ถ้าวันหนึ่งหุ้นตัวใหญ่กำลังทำตัว "เล็กลง"
 หรือตัวเล็กทำตัว "ใหญ่ขึ้น" ข้อกำหนดหลายๆ อย่างก็อาจเปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนควรทำความเข้าใจถึงกฏเกณฑ์ใหม่ เช่นช่วงราคา และหน่วยการซื้อขายขั้นต่ำ เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างไม่ติดขัดนะคะ :-)

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ถือหุ้นตัวใหญ่ที่กำลังทำตัวเล็กลง...




ข้อมูลอ้างอิง
ช่วงราคา



การเปลี่ยนแปลงหน่วยการซื้อขายขั้นต่ำ 
จากประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การซื้อขายบนกระดานหลัก (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2542



ข้อ 4 ในกรณีที่หลักทรัพย์ใดมีราคาปิดในแต่ละวันทำการซื้อขายตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน ตลาดหลักทรัพย์อาจพิจารณาให้เปลี่ยนหน่วยของหลักทรัพย์ ดังกล่าวเป็น 50 หุ้น หรือ 50 หน่วยลงทุน หรือ 50 สิทธิที่จะซื้อหุ้น แล้วแต่กรณี



ข้อ 5 ตลาดหลักทรัพย์อาจพิจารณาให้เปลี่ยนหน่วยของหลักทรัพย์ตามข้อ 4 เป็นหน่วยตามข้อ 3 ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ราคาปิดของหลักทรัพย์นั้นในแต่ละวันทำการซื้อขายต่ำกว่า 500 บาทเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน หรือ

(2) มีเหตุการณ์อันอาจทำให้ราคาซื้อขายของหลักทรัพย์นั้นต่ำกว่า 500 บาท ในวันแรกที่มีเหตุการณ์ดังกล่าว

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ใช้เงินทำงาน

หลายท่านที่ก้าวเข้ามาสู่โลกแห่งการลงทุน ด้วยแรงบันดาลใจจากวาทกรรม "ใช้เงินทำงาน" 

แต่ก่อนจะใช้เงินทำงานได้ อย่างแรก เราต้องมีเงินก่อน และเมื่อมีเงินเพียงพอที่จะสามารถใช้ทำงานได้แล้ว ต่อมาก็ต้องจัดหางานที่เหมาะสมให้เงิน ซึ่งหากเราให้เงินทำงานง่ายๆ ความเสี่ยงต่ำๆ เช่นนำเงินไปฝากธนาคาร แม้เงินจะอยู่ในสภาวะปลอดภัย แต่ก็จะได้ผลตอบแทนต่ำ  ถ้าเราให้เงินทำงานที่ยากขึ้น ความเสี่ยงสูงขึ้น ก็มีโอกาสจะได้ผลตอบแทนมากขึ้น แต่เงินก็จะอยู่ในสภาวะไม่ปลอดภัย เราควรต้องดูแลเงินที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ

การให้เงินทำงาน ฟังดูเหมือนจะเป็นชีวิตในอุดมคติ เพราะเราไม่ต้องเหนื่อยยากทำงานเอง ปล่อยให้เงินทำงานแทน แล้วเราก็เอาเวลาไปทำสิ่งที่เราอยากทำ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะไปลัลล้าอะโลฮ่าได้ตลอดเวลา เพราะเราต้องคอยกำกับดูแลการทำงานของเงิน ว่าเงินทำงานที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของเราจริงๆ หรือไม่ ประสิทธิภาพการทำงานดีพอไหม อยู่ในสภาวะอันตรายมากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องคอยดูแลให้เงินมีจำนวนมากพอที่จะทำงานให้เราได้ตลอดไป :-)

ขอบคุณแรงบันดาลใจจากชาวสินธรทุกท่าน ในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12378944/I12378944.html ค่ะ





วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่...แม้จะศึกษาทฤษฏีมาอย่างดีแล้ว แต่พอลงสนามจริง ในระยะแรกๆ การลงทุนร้อยทั้งร้อยจะไม่เป็นไปตามระบบที่วางไว้ เพราะทั้งความวิตกกังวล ความเครียด ความกดดัน ฯลฯ ล้วนประดังเข้ามาพร้อมกัน เป็นคลื่นรบกวนการตัดสินใจของเราเป็นอย่างมาก

ดังนั้น นอกจากทฤษฏีที่ต้องศึกษาแล้ว ยังต้องฝึกควบคุมจิตใจ ไม่ให้เตลิดไปในตลาดหุ้น ซึ่งการควบคุมจิตใจ นอกจากการฝึกสมาธิแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์จริงในการลงทุน ที่จะช่วยหล่อหลอมให้เรานิ่งขึ้น ซึ่งความนิ่งสงบนี้...ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ได้อย่างเยือกเย็นขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว...

เอาล่ะ...เรามาฝึกควบคุมจิตใจไปพร้อมกับเม่ากันเถอะค่ะ :-)  



วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประชุมผู้ถือหุ้น

การประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิทธิ์อย่างหนึ่งของผู้ถือหุ้นที่ครอบครองหุ้นก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XM (Excluding Meetings) โดยปกติการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจะจัดขึ้นปีละครั้งประมาณเดือน มีนาคม - เมษายน (ภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชีบริษัท)
ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นจะเริ่มขึ้น จะมีหนังสือนัดประชุมและเอกสารวาระการประชุมต่างๆ ส่งไปที่บ้าน ทั้งนี้หากผู้ถือหุ้นไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมประชุมในวันเวลาดังกล่าว (ซึ่งมักเป็นวันทำงาน) ภายในจดหมายจะมีหนังสือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปแทนได้

การประชุมผู้ถือหุ้น เป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่จะได้รู้จักเห็นหน้าค่าตาของผู้บริหาร ติดตามผลการดำเนินการที่ผ่านมา และ การลงทุนในอนาคตของบริษัท รวมถึงมีสิทธิ์ออกเสียงในมติที่ประชุมต่างๆ มีโอกาสได้ซักถามข้อสงสัย รวมถึงมีสิทธิ์เสนอวาระการประชุม

ทั้งที่ตามมารยาทของการประชุมผู้ถือหุ้น ไม่ควรพาเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นไปด้วยนะคะ และบางบริษัทจะมีของที่ระลึกมอบให้ผู้เข้าร่วมประชุม หรืออาจมีการเลี้ยงอาหาร ซึ่งงบของการจัดงานประชุม ของที่ระลึก และงานเลี้ยงเหล่านี้ ก็ล้วนมาจากกำไรของบริษัทของเราทั้งนั้นแหละค่ะ ^_^

การประชุมผู้ถือหุ้นเป็นเวทีที่ทำให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสตรวจสอบและร่วมบริหารกิจการของตน เป็นสิทธิ์ที่ไม่ควรละเลยนะคะ



วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎีเกม

ถ้าลองมองตลาดหุ้นเป็นเกมเกมหนึ่ง เกมนี้มีผู้เล่นหลายฝ่าย ทั้งบริษัท นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนรายใหญ่ โบรคเกอร์ กองทุน ต่างชาติ ฯลฯ ซึ่งผู้เล่นแต่ละฝ่ายก็ล้วนอยากเป็นผู้ชนะในเกมที่ชื่อว่า "ตลาดหลักทรัพย์" เกมนี้

การวางกลยุทธต่างๆ เช่น การสร้างความน่าเชื่อ การออกข่าวลวง การปกปิด การโจมตี ฯลฯ ก็ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เล่นแต่ละฝ่าย เรามักจะพบเห็นกรณีผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ยังไม่ชำนาญกติกาการลงทุน(และวิธีเอาตัวรอดในตลาดทุน)  มักโดนผู้เล่นมือเก๋ารับน้องจนสูญเสียกำลังใจกันไป  ดังนั้นสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่เราไม่ควรโดดเข้าไปเล่นเกมนี้โดยปราศจากการวางกลยุทธที่ดีพอ เพราะจะทำให้เราเป็นผู้แพ้ได้โดยไม่ได้ตั้งตัว

ลองศึกษาการวางกลยุทธจากทฤษฎีเกมดูมั้ยคะ อาจจะเปลี่ยนชีวิตการลงทุนให้เราไม่ต้องเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอีกก็ได้นะ :)




วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ผลประโยชน์ร่วม

ในโลกของตลาดทุน ซึ่งมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุน อาจจะยังอยู่ในมุมมองโลกสวย  เช่น
"ฝากมาร์เล่น เดี๋ยวมาร์ก็ทำกำไรให้"
"เล่นหุ้นตามเพื่อน เพื่อนรักและหวังดีต่อเรา"
"เล่นหุ้นตามเซียน เพราะเซียนเก่งอยู่แล้ว"
ฯลฯ
ซึ่งการลงทุนโดยการหวังพึ่งคนอื่นเช่นนี้ ในระยะยาวแล้วยากที่จะประสบความสำเร็จได้

เนื่องจากความโหดร้ายที่แท้จริงของตลาดทุน คือแรงผลักดันจากพื้นฐานจิตใจของมนุษย์ซึ่งก็คือ "ความโลภและความกลัว" นั่นเอง ผู้มีบทบาทในตลาดทุนแต่ละคน อาจมีความเกี่ยวข้องต่อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งทั้งทางตรงและทางอ้อม การแนะนำซื้อหรือแนะนำขายอาจมีผลประโยชน์แอบแฝง การเข้าซื้อหรือขายหุ้นโดยอ้างอิงคำแนะนำของผู้อื่นโดยไม่ผ่านการวิเคราะห์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อาจทำให้เจ๊งโดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ 

แล้วนักลงทุนอย่างเราจะเชื่อใครได้...??
คำตอบในอุดมคติก็คือ เชื่อตัวเอง

แต่ถ้าเป็นแมลงเม่าควรจะเชื่อตัวเองหรือไม่....ยังคงเป็นปริศนาธรรมที่ต้องค้นหาคำตอบต่อไป ><''






วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความเหมือนที่แตกต่าง

ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงหนักๆ นักลงทุนบางท่านที่มีหุ้นอยู่ในมืออาจตื่นตระหนกและรู้สึกไม่อยากดูจอหุ้น ในขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง กล้าที่จะมองทะลุวิกฤตินั้น เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เข้าช้อนซื้อหุ้น และทำกำไรได้มหาศาลในช่วงที่วิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งเราจะเห็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันหลายๆ ท่าน มักจะเป็นผู้กล้าท้าความตายเข้าซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหนักๆ

นักลงทุนหน้าใหม่ที่ศึกษาอัตชีวประวัติของนักลงทุนรุ่นพี่ในดวงใจก็มักจะได้รับซึมซับคำสอน "ในวิกฤติมีโอกาส" จนจำขึ้นใจ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โอกาสเป็นของคนที่พร้อมเสมอ :-)


วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เสียน้อยเสียยาก

เคยไหม... กับการที่เฝ้าจับตาหุ้นตัวหนึ่งเป็นระยะเวลานานเป็นเดือนๆ
เคยไหม...กับการเฝ้าศึกษาหุ้นตัวนั้นอย่างดี อ่านเอกสารหลายฉบับ
เคยไหม...กับการนั่งไล่ดูสถิติหุ้นอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน
เคยไหม...กับการที่ตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวนั้นแล้ว เงินก็เตรียมไว้เรียบร้อย
เคยไหม...ที่รู้ตัวว่าวิเคราะห์ถูกทางแล้ว แต่สุดท้าย ดันไม่มีหุ้นอยู่ในมือ...

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เรากะเกณฑ์ไว้ตลอด...
โดยเฉพาะเรื่องราวในตลาดทุน หุ้นแต่ละตัว มี Story เป็นของตนเองจากบรรดานักลงทุนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งหุ้นที่โดดเด่น ก็ยิ่งมีผู้ให้ความสนใจมาก ยิ่งหุ้นที่มีผู้สนใจมาก ราคาหุ้นก็ยิ่งแกว่งอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ

การจะซื้อ/ขายหุ้นในราคาที่ตั้งเป้าหมายไว้ ต้องใช้ความอดทน จากการตั้ง Bid,Offer ในกระดานหุ้น แล้วรอผู้ซื้อ/ขาย ที่มีความต้องการตรงกัน มา Match กัน ซึ่งบางครั้งเราก็สามารถซื้อ/ขายหุ้นได้ราคาที่ต้องการ แต่บางครั้ง หุ้นบางตัวก็ร้อนแรงเกินไป ทำ new high, new high และ new high ติดต่อกันทุกวัน ราคาที่เราเคยคิดว่า "แพง" ในอดีต กลับเป็นราคา "ไม่แพง" ในอีกไม่กี่วันต่อมา

แม้จะเฝ้าศึกษาหุ้นมาอย่างดี แต่ถ้าซื้อไม่ได้ในจังหวะและราคาที่เหมาะสม ก็ไร้ความหมาย ในบางครั้งการใช้ MP (Market Price) ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนไม่ "พลาด" ในจังหวะสำคัญของการลงทุนนะคะ

ปล. ตกรถแบบไม่รู้ว่าจะขึ้นคันไหน กับตกรถแบบไม่ยอมขึ้นรถเพราะมัวแต่ต่อราคาค่าโดยสารเนี่ย ความเจ็บใจมันผิดกันเยอะเลยนะคะ ><'