หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความเหมือนที่แตกต่าง

ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงหนักๆ นักลงทุนบางท่านที่มีหุ้นอยู่ในมืออาจตื่นตระหนกและรู้สึกไม่อยากดูจอหุ้น ในขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง กล้าที่จะมองทะลุวิกฤตินั้น เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เข้าช้อนซื้อหุ้น และทำกำไรได้มหาศาลในช่วงที่วิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งเราจะเห็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันหลายๆ ท่าน มักจะเป็นผู้กล้าท้าความตายเข้าซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหนักๆ

นักลงทุนหน้าใหม่ที่ศึกษาอัตชีวประวัติของนักลงทุนรุ่นพี่ในดวงใจก็มักจะได้รับซึมซับคำสอน "ในวิกฤติมีโอกาส" จนจำขึ้นใจ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โอกาสเป็นของคนที่พร้อมเสมอ :-)


วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เสียน้อยเสียยาก

เคยไหม... กับการที่เฝ้าจับตาหุ้นตัวหนึ่งเป็นระยะเวลานานเป็นเดือนๆ
เคยไหม...กับการเฝ้าศึกษาหุ้นตัวนั้นอย่างดี อ่านเอกสารหลายฉบับ
เคยไหม...กับการนั่งไล่ดูสถิติหุ้นอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน
เคยไหม...กับการที่ตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวนั้นแล้ว เงินก็เตรียมไว้เรียบร้อย
เคยไหม...ที่รู้ตัวว่าวิเคราะห์ถูกทางแล้ว แต่สุดท้าย ดันไม่มีหุ้นอยู่ในมือ...

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เรากะเกณฑ์ไว้ตลอด...
โดยเฉพาะเรื่องราวในตลาดทุน หุ้นแต่ละตัว มี Story เป็นของตนเองจากบรรดานักลงทุนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งหุ้นที่โดดเด่น ก็ยิ่งมีผู้ให้ความสนใจมาก ยิ่งหุ้นที่มีผู้สนใจมาก ราคาหุ้นก็ยิ่งแกว่งอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ

การจะซื้อ/ขายหุ้นในราคาที่ตั้งเป้าหมายไว้ ต้องใช้ความอดทน จากการตั้ง Bid,Offer ในกระดานหุ้น แล้วรอผู้ซื้อ/ขาย ที่มีความต้องการตรงกัน มา Match กัน ซึ่งบางครั้งเราก็สามารถซื้อ/ขายหุ้นได้ราคาที่ต้องการ แต่บางครั้ง หุ้นบางตัวก็ร้อนแรงเกินไป ทำ new high, new high และ new high ติดต่อกันทุกวัน ราคาที่เราเคยคิดว่า "แพง" ในอดีต กลับเป็นราคา "ไม่แพง" ในอีกไม่กี่วันต่อมา

แม้จะเฝ้าศึกษาหุ้นมาอย่างดี แต่ถ้าซื้อไม่ได้ในจังหวะและราคาที่เหมาะสม ก็ไร้ความหมาย ในบางครั้งการใช้ MP (Market Price) ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนไม่ "พลาด" ในจังหวะสำคัญของการลงทุนนะคะ

ปล. ตกรถแบบไม่รู้ว่าจะขึ้นคันไหน กับตกรถแบบไม่ยอมขึ้นรถเพราะมัวแต่ต่อราคาค่าโดยสารเนี่ย ความเจ็บใจมันผิดกันเยอะเลยนะคะ ><'