หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรียนรู้ลงทุนกับ ก.ล.ต. :: ข่าวลือข่าวลวง

หนึ่งในเหตุผลที่นำมาซึ่งผลขาดทุนของนักลงทุนทั้งหลายคือ การซื้อขายตาม “ข่าวลือ”

ข่าวลือ คือข่าวที่พูดกันทั่วไป แต่ยังไม่มีอะไรยืนยันได้แน่นอน ซึ่งในทางการเงิน ความไม่แน่นอนคือความเสี่ยง

ข่าวลือในตลาดหุ้นมีสารพัดเรื่อง เช่น จะมีการเพิ่มทุน จะแจกใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrant) จะประมูลโครงการใหญ่สำเร็จ จะซื้อหรือควบรวมกิจการ เป็นต้น ถ้าผู้ลงทุนหลงเชื่อในสิ่งที่ได้ยินทุกเรื่อง โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องก่อนซื้อขายหุ้นตัวใดก็ตาม มีโอกาสที่จะขาดทุนมากกว่าโอกาสที่จะได้กำไรแน่นอน

หลายครั้งที่นักลงทุนได้รับข้อมูลจากการบอกต่อกันมา โดยอ้างว่ามีแหล่งที่มาจากคนในบริษัทนั้นๆ อินไซด์สุด ๆ มักจะใช้คำพูดว่า “ข่าวจากคนในเลยนะเนี่ย” “ข่าวอินไซด์ รู้กันไม่กี่คนหรอก” เช่น มีข่าวว่าบริษัท A กำลังจะได้งานประมูลชิ้นใหญ่ ซึ่งจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ (อย่าเพิ่งเคลิ้ม เพราะเป็นแค่เรื่องที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น) ซึ่งอนาคตจะเป็นจริงตามข่าวหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ คนที่ได้รับข่าวนั้นก็แห่กันเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้น  เพื่อเก็งกำไร  ซึ่งตามหลักอุปสงค์อุปทาน  เวลาที่มีคนต้องการหุ้นตัวใดมาก ๆ จะเกิดการแย่งกันซื้อ ราคาจะดีดตัวสูงกว่าความเป็นจริง แต่ในเวลาต่อมา ก็มีข่าวใหม่ออกมาอีกว่าไม่ได้งานประมูลแล้วผลก็คือราคาร่วงกลับมาที่เดิม คนที่หลงเข้าไปซื้อตอนราคาสูงก็เกิดอาการ “ติดดอย” กันถ้วนหน้า

ดังนั้น หากใครเขามาปล่อยข่าว(ดี) แบบนี้ ให้เช็คข้อมูลให้ดีเสียก่อน  เพราะเขาคนนั้นอาจจะซื้อหุ้นของบริษัทตุนไว้จนเต็มพอร์ตแล้วแล้วค่อยมาสร้างข่าวว่าหุ้นตัวนั้นจะดี เพื่อให้รุมกันซื้อและราคาหุ้นก็จะสูงขึ้นจนเป็นที่พอใจ แล้วเขา(คนเดิม) ก็จะขายทำกำไร

ในส่วนของ ก.ล.ต. มีหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบ หากพบว่าผู้ใดมีพฤติกรรมการปล่อยข่าวเท็จที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นหรือต่ำลง หรือผู้ใดก็ตามที่ซื้อขายหุ้นในลักษณะที่นำไปสู่สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติจนทำให้คนอื่นหลงผิด ผู้นั้นอาจเข้าข่ายมีความผิด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่น้อยกว่า 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ

ถึงแม้ทางการจะมีมาตรการที่เข้มงวดขนาดไหน  ผู้ลงทุนควรต้องปกป้องตนเอง โดยการไม่หลงเชื่อข่าวลือง่ายๆ  ควรใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวและหาทางตรวจสอบความถูกต้องของข่าวนั้น ๆ ด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะไม่เชื่อข่าวลือแบบปากต่อปาก แต่แหล่งข่าวที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็ยังเคยเสนอข่าวผิดหลายครั้ง แหล่งข้อมูลที่จะช่วยยืนยันได้ว่าข่าวนั้นเป็น ข่าวลือ หรือ ข่าวกรอง ก็คือเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. www.sec.or.th และเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  www.set.or.th ถึงอาจจะไม่รวดเร็วทันใจดุจข่าววงใน แต่ก็เชื่อถือได้แน่นอน

พึงระลึกไว้เสมอว่า ตกรถดีกว่าติดดอย นะจ๊ะ






วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แม่กับการลงทุน

พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ สุขสันต์วันแม่นะคะ  ^^

มีเรื่องอยากจะเล่านิดนึง คือวันแม่ปีนี้ ดิฉันเองก็ได้ส่งการ์ดวันแม่ไปให้แม่ กับกิจกรรมบอกรักให้แม่รู้ของทางเว็บพันทิป (ส่งฟรี)
ตอนแรกกะส่งเล่นขำๆ คิดว่าแม่ได้ก็คงเฉยๆ เพราะเหมือนการ์ดอวยพรทั่วไปอะ
แต่ปรากฏว่า แม่ดูปลาบปลื้มที่สุดของที่สุด ดีใจเกินมูลค่าการ์ดไปมาก
"ตอนไปรษณีย์มาส่ง แม่ดีใจมาก ดีใจที่ลูกยังไม่ลืมแม่ ยังนึกถึงแม่ในเทศกาลวันแม่"
โอว เล่นเอาน้ำตาซึม ทั้งๆ ที่ตอนส่งไปไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนี้แท้ๆ

ก็ทำให้คิดได้ว่า จริงๆ การที่เราทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้แม่ เช่นส่งการ์ดอวยพร ในแง่ของผู้ให้ ต้นทุนไม่เกิน 5 บาท แต่ในแง่ของความรู้สึกของผู้รับ มันประเมินค่าไม่ได้ ถ้าเป็นการลงทุนก็ถือเป็นการลงทุนที่ "โคตร"คุ้มค่าเลยค่ะ

วันแม่ปีนี้ขอเขียนเม้าท์แม่ตัวเองซะหน่อยละกันนะคะ :P


 

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรียนรู้ลงทุนกับ ก.ล.ต. :: หุ้นปันผล VS หุ้นเก็งกำไร

หากพูดถึงการลงทุนในหุ้น อาจจะแบ่งคร่าวๆ ได้เป็นสองแบบคือ หุ้นปันผล กับหุ้นเก็งกำไร

หุ้นปันผล เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอต่อเนื่องเช่นเดียวกับการฝากเงินที่ธนาคารพาณิชย์  โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปันผล มักสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร(ในช่วงที่ธนาคารดอกเบี้ยต่ำ) และสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว รายได้จากเงินปันผลเป็นรายได้ที่เกิดจากการส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจ ตราบใดที่ธุรกิจนั้นยังมีสุขภาพที่ดีและสามารถทำกำไรได้  ส่วนแบ่งในรูปเงินปันผลก็จะยังไหลเข้าสู่กระเป๋าของเราต่อไปไม่หยุด อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นปันผลต้องอาศัยระยะเวลา  ไม่ใช่หนทางในการรวยเร็ว  รวยง่าย  รวยไว  จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง มีรายได้สม่ำเสมอ  และเติบโตไปพร้อมกับบริษัท


ส่วนหุ้นเก็งกำไร เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูง  เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น ๆ แต่ก็ มีโอกาสขาดทุนสูง หุ้นเก็งกำไรจึงเหมาะกับคนที่มีเวลาเฝ้าติดตามหุ้น และมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว และเป็นผู้ที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นได้ดี  มีความกล้าเสี่ยงสูง


แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน  จะหุ้นปันผล หรือ จะหุ้นเก็งกำไรดี อาจลองแยกพอร์ตการเล่นหุ้นออกเป็นสองส่วน ส่วนแรก เล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ส่วนที่สอง ลงทุนแบบถือระยะยาว เมื่อลงทุนไปสักระยะจะรู้ได้เองค่ะว่าเราเหมาะกับการลงทุนแนวไหน ^_^

ว่าแต่...มีใครลงทุนแนวเดียวกับเม่าบ้างมั้ยเนี้ยะ